วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

คุณสมบัติของการเป็นแพทย์


สำหรับคนที่อยากเป็นหมอ หรือ ไม่อยากเป็นแต่ก็อ่านได้ค่ะ
ฮิปโปคราตีส (Hippocrates) เป็นชาวกรีก เกิดประมาณ 460 ปีก่อนคริสตกาล มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับนักปราชญ์กรีกคนสำคัญ เช่น โสคราตีส (Socrates) เพลโต (Plato) อริสโตเติล (Aristotle) ฮิปโปครตีสเป็นอาจารย์แพทย์ผู้มีชื่อเสียง ได้เริ่มแนวคิดทางการแพทย์และวิชาการสมัยใหม่ บทนิพนธ์ของฮิปโปครตีส (The Hippocratic collection) เป็นที่มาของจริยศาสตร์การแพทย์ (Medical Ethics) ที่สืบทอดมาเป็นเวลานาน ฮิปโปคราตีสได้กล่าวถึงจิตสำนึกของแพทย์และความรับผิดชอบต่อวิชาชีพไว้ดังนี้

"ผู้ที่เป็นแพทย์ต้องประกอบด้วยคุณลักษณะของความไม่มีอคติแบ่งแยก ความเป็นผู้มีศีลธรรม ความสุภาพอ่อนโยน แต่งกายเหมาะสม มีวิธีการคิดด้วยเหตุผลอย่างเป็นระบบ มีการตัดสินใจที่ดี บุคลิกภาพสงบ น่าเชื่อถือ มีความประพฤติดีงาม มีสติปัญญาสามารถแยกแยะความดีและความชั่ว สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต ธรรมชาติที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยความสามารถ ไม่หลงงมงายในความเชื่อที่ผิด เป็นผู้มีความดีงามโดยที่มนุษย์ทั่วไปพึงมี คุณลักษณะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้เป็นแพทย์พึงตระหนักในจิตสำนึกและพัฒนาตนเอง ส่วนคุณลักษณะที่แพทย์ไม่พึงมีพึงเป็น ได้แก่ ความเป็นผู้ขาดความอดทน หยาบคาย ละโมบ มักมากในกาม ไม่ซื่อสัตยื และขาด
หิริโอตัปปะ คือ ความละอายเกรงกลัวต่อสิ่งที่ผิด"

ฮิปโปครตีสได้กล่าวถึงหลักความประพฤติที่สำคัญสำหรับแพทย์ในการยึดถือปฏิบัติไว้ในคำปฏิญาณของแพทย์ที่จบการศึกษาในสมัยกรีกซึ่งรู้จักกันในชื่อ คำปฏิญาณของฮิปโปคราตีส (The Hippocratic Oath) มีสาระสำคัญ ดังนี้

1)การให้ความเคารพแก่ครูอาจารยืและแสดงออกถึงความกตัญญู โดยการดูแลทุกข์สุขของตัวอาจารย์และครอบครัว

2)การดำรงรักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของวิชาชีพและแนวทางการดำเนินชีวิต

3)การไม่มีทิฐิในการรักษาผู้ป่วย กรณีใดที่ตนขาดความรู้ ความชำนาญ ก็ไม่ลังเลที่จะเชิญผู้รู้และชำนาญกว่ามาดูแลรักษาแทน แพทย์ไม่พึงให้ร้ายและทะเลาะวิวาทกันเองอันเป็นการเสื่อมเสียเกียรติ

4)ไม่ทำแท้งให้แก่สตรีใดๆ

5)ไม่กระทำในสิ่งที่เป็นผลร้ายต่อผู้ป่วย แม้ว่าจะได้รับการขอร้อง รวมถึงไม่แนะนำในสิ่งที่ผิด

6)การรักษาความลับของผู้ป่วยไม่แพร่งพรายเรื่องราวของผู้ป่วยให้แก่ผู้อื่น

7)การสำรวมระมัดระวังที่จะไม่ประพฤติผิดทางเพศ

ในปัจจุบันบางสิ่งอาจเปลี่ยนไปบ้างแต่ยังคงรักษาพื้นฐานความคิดเดิมไว้ ถ้าจำแนกคุณสมบัติเบื้องต้นให้ชัดเจนและเหมาะสมกับปัจจุบันจะได้ ดังนี้

1.สุขภาพกายต้องแข็งแรง

การเป็นแพทย์ทุกคนต้องมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ หลังเอ็นทรานซ์ติดแล้ว 3 ปีแรกจะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยทำงานอดหลับอดนอน เมื่อเข้าสู่ปี 4 จะมีการอยู่เวรยาม แต่ยังไม่โหด อาจถึงแค่เที่ยงคืน เมื่อเข้าสู่ปี 6 เวรจะโหดมากต้องอยู่วันเว้นวันหรือ วันเว้นสองวัน นักศึกษาปี 6 นี้ต้องดูแลผู้ป่วยตลอดคืน คนไข้เป็นอะไรต้องตามนิสิตแพทย์ก่อน ในขณะที่กลางวันต้องทำงาน บางคนเป็นลมข้างเตียงผู้ป่วยก็มี ดังนั้น การมีร่างกายแข็งแรงมีความจำเป็น เพราะถ้าไม่เช่นนั้นอาจทำให้การทำงานขาดสะบั้นลงได้

2.ความเมตตากรุณาต่อผู้ที่ได้รับความทุกข์ทรมาน

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย และพระบิดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ ได้สั่งสอนนักเรียนแพทย์ให้ยึดมั่นในอุดมคติ ดังนี้ 

"ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นกิจที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง"
พรหมวิหารธรรมเป็นธรรมอันประเสริฐ เป็นธรรมเครื่องอยู่ของพรหม สำหรับผู้เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ผู้ปฏิบัติพรหมวิหารธรรมเสมอด้วยพรหม มี 4 ประการ คือ

1)เมตตา ความรักใคร่ ปราถนาดีอยากให้ผู้ป่วยมีความสุขมีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่ผู้ป่วยเสมอ

2)กรุณา ความสงสารใฝ่ใจอันปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้ป่วยที่กำลังได้รับอยู่ (Altruism)

3)มุทิตามี ความยินดีเมื่อผู้ป่วยอยู่ดีมีสุข 

4)อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง มีจิตเรียบตรงดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง

3.มีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
แพทย์ต้องไม่รังเกียจที่จะพูดคุยกับคนอื่น เมื่อผู้ป่วยซักถามอะไรที่อาจไม่มีสาระ แพทย์ก็ควรตอบให้ผู้ป่วยเข้าใจโดยไม่รำคาญ อาจารย์แพทย์มักกล่าวว่า "ถ้าหมอหรือญาติของหมอเองเจ็บป่วยด้วยโรคที่หมอเองก็ยังไม่รู้ ต้องพึ่งคุณหมอคนอ่น คุณอยากถามอะไรกับคุณหมอท่านนั้นบ้างล่ะ"

ในโรงเรียนแพทย์เรื่องนี้ถือเป็นจุดด้อยเพราะไม่มีการเรียนรู้อย่างจริงจัง แต่จะเรียนรู้ทางอ้อมจากการซึมซับจากอาจารย์แพทย์ การปฏิบัติงาน ไม่ใช่ว่าแพทย์จะดุผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยไม่ได้ แต่แพทย์สามารถเตือนได้เมื่อผู้ป่วยทำสิ่งที่ไม่สมควร (ไม่ดุก็เหมือนดุ) ไม่ใช่เพราะผู้ป่วยไม่ฟังแพทย์ แต่เพราะแพทย์เป็นห่วงผู้ป่วย สิ่งที่ผู้ป่วยทำอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิต

4.มีสติปัญญาที่ดี

ร่างกายของคนเรามหัศจรรย์มาก คือ เห็นเป็นรูปร่างอย่างนี้ ข้างในมีอะไรให้เราศึกษาได้อย่างไม่ณุ้จบสิ้น แพทย์ต้องเรียนรู้รายละเอียดทั้งหมดในร่างกาย ผูที่เป็นนักศึกษาแพทย์ต้องมีความจำดีไม่ใช่ได้หน้าลืมหลัง เพราะมีความรู้ใหม่ๆแทรกมาตลอดเวลา ซึ่งความรู้พวกนี้ต้องใช้ความรู้พื้นฐานชั้นต้นๆมาเรียนรู้ตลอด 6ปี แพทย์ต้องมีความเข้าใจ มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ไม่ใช่เอาแต่ท่องจำอย่างเดียว ต้องเป็นผู้ขยันหาความรู้ เพราะวิทยาศสาตรืจะมีความรู้ใหม่ๆเข้ามาเสมอ นอกจากนี้ แพทยืต้องมีวิจารณญาณสูง เพราะแพทย์ต้องวิเคราะห์องค์ความรู้ที่มีอยู่มากมายมาเป็นของตนเอง เลือกได้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น